แนะพ่อแม่ดูแลลูกเรียนออนไลน์

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะพ่อแม่ ผู้ปกครอง ดูแลเด็กเรียน Online ที่บ้าน หมั่นสังเกตสายตา เและพฤติกรรมการดูหน้าจอของเด็ก เพื่อป้องกันปัญหาสายตาผิดปกติในระยะยาว หากพบอาการผิด ปกติใหปรึกษาจักษุแพทย์ พร้อมแนะนำ ใหเลือกผัก ผลไมสีเหลือง ส้ม แดง ไข่ ตับ นม ช่วยบำรุงสายตา ให้กับเด็ก

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำ ให้สถานศึกษาในหลายพื้นที่มีการปรับรูปแบบการเรียนการสอน โดยให้โรงเรียนและสถานศึกษาในสังกัดซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามข้อกำหนดออกตาม ความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 25) ดำเนินการจัดการเรียนการสอน เฉพาะรูปแบบการจัดการศึกษาทางไกล แบบ On Air, Online, On Demand, On Hand ผ่านทางไปรษณีย์ซึ่งจากข้อมูลกระทรวงศึกษาธิการ ณ วันที่ 20 มิถุนายน 2564 พบว่า โรงเรียนที่เปิดการเรียนการสอนในภาพรวมทั้งประเทศ ได้ปรับรูปแบบจาก On Site มาเป็นการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต (Online) ร้อยละ 20.8 ผ่านโทรทัศน์ (On Air) ร้อยละ 17.0 และสำหรับโรงเรียนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้กำหนดให้เปลี่ยนการเรียนการสอนจาก On Site เป็นแบบ Online นั้น โดยมีการดำเนินงานในรูปแบบดังกล่าวถึงรอ้ ยละ 80 ขณะที่อีกรอ้ ยละ 20 อาจจะใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบอื่น ๆ ซึ่งการเรียนแบบ Online มีความแตกต่างจากการเรียนในหอ้ งเรียนอย่างมาก

พ่อแม่ ผู้ปกครองจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนของลูกมากขึ้น เพราะการเรียนผ่าน Online และ On Air จะใชเ้ วลาอยกูั่บสื่อการเรียนการสอน เช่น โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ แท็ปเล็ต หรือโทรศัพท์มือถือ ระยะใกล้เป็นเวลานาน ๆ ต้องใช้สายตาในการเพ่งมองดูข้อมูลหน้าจอ อาจมีผลทำให้เกิดอาการแสบตา ตาแห้ง ปวดตา บางรายอาจมีอาการปวดศีรษะ หรือการมองไม่ชัดหลังเลิกเรียน ซึ่งอาจเกิดจากปัญหา สายตาผิดปกติ สายตาสั้น หรือมีตาดำ เขเขา้ หรือเขออกเป็นครั้งคราว ส่งผลกระทบต่อการมองเห็นใน ระยะยาวต่อไปในอนาคต นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า วิธีการที่เหมาะสมในการใช้สายตาเรียน Online นั้น ขอให้ปฏิบัติ ดังนี้

 

 

1) ระยะเวลาการใชส้ ายตาในการเรียน Online และ On Air เพ่งดูหน้าจอด้วยหลักการ 20-20-20 คือ ใช้สายตามองใกล้ติดต่อกันไม่เกิน 20 นาที โดยควรพักใช้สายตา 20 วินาที ด้วยการมองไปที่ระยะ +ห่าง 20 ฟุต (6 เมตร) เพื่อเป็นการพักสายตา แล้วกลับมาใช้สายตาใหม่ได้

2) จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการเรียน ไฟไม่มืดหรือสว่างเกินไป เพราะแสงเข้าตามากเกินอาจทำ ให้เกิดจอประสาทตาเสื่อม จึงต้องปรับหน้าจอให้สว่างพอดี

3) แนะนำให้กระพริบตาบ่อย ๆ หลับตาพัก (นับ 1-5 แล้วลืมตาใหม่) เพราะการใช้สายตานาน ๆ อาจเกิดภาวะตาแห้งเคืองตา กะพริบตาน้อย (ปกติคนเรากะพริบตา 10-12 ครั้งต่อนาที) ภาวะตาแห้งจะดีขึ้น รวมถึงตำแหน่งที่นั่งหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีลมพัดมาก ลมแอร์ตกใส่ระดับของโทรศัพท์มือถือไม่สูงเกินไป จะทำให้เปิดเปลือกตามากขึ้น ควรอยู่ ระดับต่ำกว่าสายตา ช่วยลดภาวะตาแหง้ (ข้อมูลราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่ง ประเทศไทย, 24 มิถุนายน 2564) “นอกจากนี้ พ่อแม่ยังส่งเสริมการมีสายตาที่ดีให้กับเด็กได้ด้วยการเลือกผักผลไมสี้เขียวเขม้ สีเหลือง สี ส้ม สีแดง เช่น ผักตำ ลึง ผักบุ้ง แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ มะม่วงสุก มะละกอ สับปะรด แคนตาลูป เป็นต้น เนื่องจากสารแคโรทีนอยส์ในผักผลไมดั้งกล่าว ช่วยในเรื่องการมองเห็นในที่มืดไดดี้ ลดความเสื่อมของเซลล์ลูกตา ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดี และ ใช้ ไข่ ตับ เป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหาร ควรให้เด็กดื่มนมวันละ 2 แก้ว หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และไม่ควรใช้สายตาในที่มืด” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

ที่มา :
https://www.thaihealth.or.th/Content/54859-%E0%B9%80%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%20%E0%B8%8A
%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C.html

Facebook
Twitter