ภาวะการหยุดหายใจขณะนอนหลับ

กรนเรื่องบนเตียงที่อาจทำ ใหท่านตายได้เมื่อพูดถึงการนอนกรน จะมีคนจำ นวนมากที่มีความรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ และไม่มีความรู้สึกว่าเป็นความผิดปกติที่จะต้องมารับการรักษา จริง ๆ แล้วนอกเหนือจากเป็นการบั่นทอนสัมพันธภาพที่มีต่อเพื่อนร่วมห้องนอนแล้ว การกรนอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะความผิดปกติบางอย่างที่อาจทำให้มีผลเสียทางสุขภาพที่ร้ายแรงตามมาได้

ภาวะกรน
ภาวะกรน คือ กลไกสำ คัญของการหายใจคือการที่มีอากาศผ่านเข้าไปสู่ทางเดินหายใจส่วนล่างคือ ในปอดผ่านทางช่องทางเดินหายใจส่วนบน ได้แก่ ช่องปาก คอ คนปกติเวลานอนหลับกล้ามเนื้อของทางเดินหายใจส่วนบนที่ทำหน้าที่ในการขยายทางเดินหายใจจะมีการคลายตัว และ กลไกการกระตุ้น การหายใจจะลดลง ทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนมีลักษณะที่แคบกว่าเดิม ภาวะดังกล่าวเมื่อร่วมกับปัจจัยอื่น เช่น ลิ้นตกลงไปในทางเดินหายใจ มีก้อนในทางเดินหายใจ จะทำให้เกิดเสียงกรนเกิดขึ้น พบว่าในบางภาวะเสียงกรนอาจดังกว่าปกติได้ เช่น ถ้ามีการดื่มเหล้า หรือ มีอาการเพลียมาก ทำให้นอนหลับลึก ก็จะทำให้มีอาการกรนมากขึ้น และ ในบางรายการกรนอาจมีความสัมพันธกับการนอนบางท่า เช่น การนอนหงาย ในกรณีที่ทางเดินหายใจส่วนบนมีขนาดแคบลง ถึงจุดหนึ่งจะเกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจเกิดขึ้น ทำให้อากาศไม่สามารถผ่านเข้าไปในทางเดินหายใจได้ ซี่งช่วงนี้จะสังเกตได้ว่าเสียงกรนของผู้ป่วยที่ดังมาอย่างต่อเนื่องจะเงียบหายไปเป็นช่วง ๆ เนื่องจากไม่มีลมผ่านเข้าไปในปอด ถ้าการอุดกั้นเกิดขึ้นสักระยะหนึ่ง ก็จะทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนในเลือด หัวใจเต้นเร็ว และผู้ป่วยก็จะตื่น หรือ นอนหลับต่อไปไม่ได้

ผลเสีย
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นไดบ้อยๆทั้งคืน ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของผู้ป่วยตามมาคือ

1. ผู้ป่วยจะมีอาการนอนไม่สนิท ทำให้มีอาการง่วงนอนมากเวลากลางวัน มีความสามารถในการทำงานลดลง และ มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุระหว่างการขับรถยนต์ หรือ ประกอบอาชีพต่างๆ ได้สูงขึ้น เชื่อว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ผู้ป่วยหลับในส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากผู้ขับรถที่มีภาวะการนอนหลับที่ผิดปกติ และมีอาการง่วงนอนในเวลากลางวันและหลับในทำ ให้ขับรถชน

2. ผู้ป่วยจะมีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ เป็นช่วงๆ ทำ ให้มีโอกาสเกิดความดันโลหิตสูง โรคเส้นโลหิตสมองตีบ หรือ แตกง่ายขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงอื่นๆ เช่น ภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่

3. มีผลเสียในทางสังคมและเป็นที่รบกวนผู้ร่วมห้องนอน อันนี้มักเป็นปัญหาของผู้อื่นมากกว่าเป็นปัญหาของผู้ป่วยเอง อาการของผู้ป่วย

ภาวะนี้มักพบในผู้ป่วยที่มีลักษณะดังต่อไปนี้
-อ้วน น้ำหนักเกิน
-นอนกรน ซึ่งมักมีลักษณะที่ผิดปกติบริเวณใบหน้า และ ช่องปากที่ส่งผล ให้ช่องทางเดินหายใจส่วนบนมีลักษณะแคบลง ผู้ป่วยมักมีประวัติว่ามีการกรนเสียงดังและหยุดกรนเป็นช่วงๆ
-ผู้ที่มีอาการนอนหลับมากและง่วงนอนในเวลากลางวัน
-อาจพบว่ามีความดันโลหิตสู’

ผู้ที่เป็นคนพาผู้ป่วยมาพบแพทย์มักจะเป็นคู่สมรส หรือ คนที่นอนห้องเดียวกัน เนื่องจากมักจะสังเกตว่าผู้ป่วยกรนเสียงดัง และ มีอาการหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ แล้วมีความกังวลว่าผู้ป่วยอาจขาดใจตายไปเลย (หรือส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะทนเสียงกรนไม่ไหว) แล้วจึงพยายามลากผู้ป่วยมาพบกับแพทย์ โดยผู้ป่วยส่วนหนึ่ง อาจไม่ได้คิดว่าเรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาใดๆ ของตนเองเลยแม้แต่น้อย การประเมิน ผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะมีการหายใจที่ผิดปกติ เมื่อผู้ป่วยมีปัญหาที่แพทย์สงสัยว่ามีปัญหาการหายใจที่ผิดปกติระหว่างการนอนหลับ แนวทางการตรวจเพิ่มเติมที่เหมาะสมคือการทำการตรวจการนอน (polysomnogram) โดยผู้ป่วยจะต้องมานอนที่ห้องตรวจการนอนเพื่อประเมินว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นระหว่างการนอน ผู้ป่วยจะได้รับการติดตามวัดตัวแปรที่สำคัญ เช่น จังหวะการหายใจ ลมหายใจที่เข้าออกจากปอด ระดับออกซิเจนในเลือด คลื่นสมอง เพื่อดูว่าผู้ป่วยหลับหรือตื่นบ่อยแค่ไหนระหว่างช่วงการนอน และ ผู้ป่วยจะมานอนที่ห้องตรวจการนอน ตลอดเวลา 1 คืน และแพทย์จะทำ การประเมินจากผลการตรวจว่าเกิดความผิดปกระหว่างการนอนหรือไม่ และควรต้องได้รับการรักษาอย่างไร การตรวจการนอนจะได้ประโยชน์ในผู้ป่วยที่นอนหลับระหว่างการตรวจ ต้องเน้นนะครับว่าในผู้ป่วยที่มีปัญหานอนไม่หลับหรือหลับยาก การตรวจการนอนมักจะไม่ได้ประโยชน์หรือช่วยในการรักษาผู้ป่วยมากนัก

แนวทางการรักษา

ในขั้นตอนแรก หลังจากการประเมินของแพทย์ ถ้าแพทย์สงสัยว่าผู้ป่วยอาจมีภาวะหยุดหายใจระหว่างการนอนหลับ ต้องยืนยันการวินิจฉัยโดยการตรวจการนอน ถ้าพบว่ามีความผิดปกติจึงเลือกการรักษาที่เหมาะสมแนวทางการรักษาจะประกอบด้วย

1. การรักษาโดยทั่วไป เช่น พยายามลดน้ำ หนัก ปรับสุขนิสัยการนอนให้เหมาะสม งดการดื่มสุราหรือ แอลกอฮอลล์ก่อนเข้านอน
2. การให้เครื่องช่วยหายใจผ่านทางหน้ากากระหว่างการนอน (continuous positive airway pressure, CPAP) โดยผู้ป่วยจะเป็นผู้ใส่อุปกรณ์นี้เวลานอนหลับด้วยตนเอง
3. การใช้อุปกรณ์ทางทันตกรรม (dental appliance) เพื่อช่วยให้ช่องทางเดินหายใจส่วนบนกว้างขึ้นขณะนอนหลับ พบว่าวิธีนี้ มักจะได้ผลไม่ดีนัก และเลือกใช้ในผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง
4. การผ่าตัด พบว่าจะช่วยรักษาอาการกรนได้ดี แต่สำหรับการอุดกั้นของทางเดินหายใจผลที่ได้จากการผ่าตัดยังไม่แน่นอน ดังนั้นจึงควรมีการพิจารณาเลือกผู้ป่วยที่เหมาะสมสำหรับการผ่าตัดเป็นรายๆ ไป และ ปรึกษาเฉพาะแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง

บทความโดย
รศ. นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Facebook
Twitter